
ยาไอซ์ คือ ยากลุ่มเมทแอมเฟตามีน เป็นอนุพันธ์หนึ่งของยาบ้า แต่มีความเข้มข้นมากกว่า 5 เท่า และมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ยากลุ่มนี้คนเสพใหม่ๆ จะสร้างความตื่นตัวมาก และคิดไปเองว่าดีเมื่อเสพยาไอซ์จะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และกดสมองส่วนอยาก ทำให้ผู้เสพไม่อยากกินอาหาร ไม่หิว ช่วงแรกๆ น้ำหนักจะลง แต่เมื่อเสพไปเพียง 2-3 เดือน น้ำหนักจะเพิ่มมาเหมือนเดิม ดูได้จากคนไข้ที่เข้ามาบำบัดการติดยาไอซ์ รูปร่างอ้วนมีอยู่มาก ส่วนความเชื่อว่าจะทำให้ผิวขาวเกิดจากเมื่อเสพยาเข้าไป ยามีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้เลือดไม่สามารถ ไปเลี้ยงสมองได้ดีเหมือนเดิม คนเสพยาจึงมีลักษณะซีดๆ เพราะเส้นเลือดไม่สามารถหล่อเลี้ยงได้ตามปกติ "ผลกระทบจากเสพยาไอซ์ มีมากกว่าสิ่งที่คนเสพหวังอยากได้แค่ผอม ขาว เพราะยาเสพติดมีความเข้มข้นสูง ออกฤทธิ์ต่อสมอง เมื่อเสพนานๆ ทำให้เกิดภาวะจิตประสาท และเส้นเลือดที่หดตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ง่าย " นพ.วิโรจน์กล่าว ผอ.สถาบันธัญญารักษ์ ระบุว่า ปัจจุบันผู้ทดลองเสพยาไอซ์จะกลายเป็นผู้เสพติด ร้อยละ 30 และครึ่งหนึ่งเสพเป็นครั้งคราว โดยผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาที่สถาบัน ในกลุ่มยาไอซ์มีสัดส่วนมากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 10 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 โดยแบ่งเป็นอายุ 12-17 ปี ร้อยละ 14 อายุ 18-24 ปี ร้อยละ 35 อายุ 25-29 ปี ร้อยละ 18 ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะอายุน้อยที่สุดที่พบเพียง 12 ปี สาเหตุหนึ่งเกิดจากความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นที่มากขึ้น ประกอบกับราคาของยาเสพติดที่ลดลงใกล้เคียงกับยาบ้า ทำให้วัยรุ่นหันมาเสพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สาเหตุสำคัญที่วัยรุ่น
1.เสพยาเสพติดเกิดจากความอยากลอง และมักจะเริ่มจากเหล้า บุหรี่ก่อนเป็นลำดับแรก ทำให้ประเทศต่างๆ เน้นควบคุมการเข้าถึงเหล้า บุหรี่ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

